พระเมรุมาศ

        เป็นที่ทราบกันดีถึงความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของคนไทย😢😢 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 วันที่คนไทยสูญเสียพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่ง คงเป็นเรื่องที่ทำใจยอมรับได้ยาก แต่ทุกสิ่งก็ต้องดำเนินต่อไป เราประชาชนคนไทยก็ทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ท่าน เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้หลังจากที่พระองค์สวรรคตก็ได้มีพิธีทางศาสนามากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การสร้างพระเมรุมาศเพื่อถวายพระเพลิงพระบรมศพของรัชกาลที่9 การสร้างพระเมรุมาศครั้งนี้เป็นการสร้างให้อย่างสมพระเกียรติของพระองค์ เป็นการแสดงศิลปะและเอกลักษณ์ของความเป็นไทยออกมาได้อย่างดี เมื่อเวลาที่สำคัญมาถึงวันถวายพระเพลิงพระบรมศพวันที่คนไทยทุกคนพร้อมใจกันร่วมทรงเสด็จพระองค์สู่สวรรคาลัย26 ตุลาคม พุทธศักราช 2560 วันที่คนไทยสูญเสียพระองค์ไปตลอดกาล  หลังการถวายพระเพลิงพระบรมศพของรัชกาลที่9              ได้มีการอนุญาตให้คนไทยสามารถเข้าชมนิทรรศการพระเมรุมาศที่ท้องสนามหลวง 
ได้ในวันที่ 2-30 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2560 ในเวลา 06.00-22.00 น.🕕 🕗
ภายหลังอนุญาตให้เข้าชมได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม พุทธศักราช 2560 น.🕕 🕗
       มีประชาชนคนไทยให้ความสนใจเป็นอย่างมาก😊😊 จะมีกี่ครั้งกันในชีวิตนี้ ไปดูให้เป็นบุญตาเสียดีกว่า ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีดิฉันคะ ดิฉันจึงอยากจะเก็บภาพความสวยงามที่สมพระเกียรติมาให้ผู้อ่านทุกท่านได้รับชมกัน 
เชิญชมกันได้เลยค่ะ  
............................................................................................................



ก่อนเข้าชมก็ต้องต่อคิวก่อนนะคะ การมาเป็นหมู่คณะจะสะดวกดีค่ะ เพราะเราติดต่อเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว รอเพี่ยง 10-15 นาทีก็ได้เข้าชมแล้วค่ะ ก่อนเข้ามีพัดกับน้ำดื่มแจกด้วยนะคะ บริการดีมากค่ะ



นี่เป็นภาพแรกเมื่อเราเดินเข้าไปค่ะ สวยมากค่ะ ทางเข้าก็จะมีแปลงนาอยู่ค่ะ



ภายในก็จะมีอาคารประกอบต่างๆมากมายเลยค่ะ



นี่ก็เป็นอาคารประกอบค่ะ ภายในมีนิทรรศการที่เกี่ยวกับรัชกาลที่ 9 อยู่เยอะแยะมากมายเลยค่ะ






3ภาพนี้ก็เป็นตัวอย่างของนิทรรศการภายในอาคารประกอบต่างๆ จะเป็นของที่ใช้ในพระราชพิธี รวมถึงพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 9 ด้วยค่ะ



 พระเมรุมาศพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประกอบด้วยอาคารทรงบุษบก จำนวน 9 องค์ ตั้งอยู่บนฐานชาลารูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 3 ชั้น มีบันไดทางขึ้น ทั้ง 4 ทิศ ทิศตะวันตกหันหน้าเข้าพระที่นั่งทรงธรรม ทิศตะวันออกติดตั้งลิฟต์ และทิศเหนือติดตั้งสะพานเกรินสำหรับเชิญพระบรมโกศจากราชรถปืนใหญ่ขึ้นบนพระเมรุมาศ โดยโครงสร้างพระเมรุมาศ ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้
         
ลานอุตราวรรต หรือ พื้นรอบฐานพระเมรุมา มีสระอโนดาดทั้งสี่ทิศและเขามอจำลอง ภายในสระประดับด้วยประติมากรรมสัตว์หิมพานต์ ได้แก่ ช้าง โค สิงห์  ม้า และสัตว์หิมพานต์ตระกูลต่างๆ
       
 ฐานชาลาชั้นที่ 1 เป็นชั้นล่างสุด มีฐานสิงห์เป็นรั้วราชวัตร ฉัตร แสดงอาณาเขตพระเมรุมาศ และมีเทวดานั่งคุกเข่าถือบังแทรก ส่วนที่มุมทั้งสี่ของฐานมีประติมากรรมท้าวจตุโลกบาลประทับยืนหันหน้าเข้าสู่บุษบกองค์ประธาน
       
 ฐานชาลาชั้นที่ 2 มีหอเปลื้องทรงบุษบกรูปแบบเดียวกันตั้งอยู่ที่มุมทั้งสี่ ใช้สำหรับจัดเก็บพระโกศทองใหญ่และพระโกศไม้จันทน์ รวมถึงอุปกรณ์สำหรับงานพระราชพิธี
         
ฐานชาลาชั้นที่ 3 ฐานบุษบกประธานประดับประติมากรรมเทพชุมนุม จำนวน 132 องค์โดยรอบ รองรับด้วยฐานสิงห์ซึ่งประดับประติมากรรมครุฑยุดนาคโดยรอบอีกชั้นหนึ่ง มุมทั้งสี่ของฐานชั้นที่ 3 นี้ เป็นที่ตั้งของซ่างทรงบุษบกยอดมณฑปชั้นเชิงกลอน 5 ชั้น ใช้สำหรับพระพิธีธรรม 4 สำรับ นั่งสวดอภิธรรมสลับกันไปตลอดนับตั้งแต่พระบรมศพประดิษฐานบนพระจิตกาธานจนกระทั่งถวายพระเพลิงพระบรมศพเสร็จ
       
 จุดกึ่งกลางชั้นบนสุด มีบุษบกองค์ประธานตั้งอยู่ เป็นอาคารทรงบุษบกยอดมณฑปชั้นเชิงกลอน 7 ชั้น ภายในมีพระจิตกาธาน เป็นที่ประดิษฐานพระบรมโกศ ผนังโดยรอบเปิดโล่ง ติดตั้งพระวิสูตร (ม่าน) และฉากบังเพลิงเขียนภาพพระนารายณ์อวตารตอนบน และภาพโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตอนล่าง ที่ยอดบนสุด ประดิษฐานนพปฎลมหาเศวตฉัตร (ฉัตรขาว 9 ชั้น)




สระอโนดาดค่ะ สวยมากๆเลยค่ะ มีควันออกมาจากสระด้วยนะคะ



มีสัตว์หิมพานต์ที่ดิฉันไม่รู้จักทั้งนั้นเลยค่ะ พอเข้ามาดูใกล้ๆ ต้องขอนับถือผู้ที่สร้างออกมานะคะ เก่งมาก รายละเอียดเรียกได้ว่าเก็บกันทุกเม็ดเลยค่ะ

เดินชมไปสักพัก ฝนตกค่ะ เลยต้องดข้าไปหลบฝนกันก่อน อากาศก็จะอบอ้าวหน่อยๆค่ะ แต่พอมองออกไปเป็นมุมที่สวยมากค่ะ เห็นพระบรมมหาราชวังด้วยนะคะ



มุมนี้ก็เห็นพระบรมมหาราชวังนะคะ สวยมากเช่นกัน



ขอถ่ายภาพไว้เป็นความทรงจำสักหน่อยค่ะ



แถมค่ะแถม

.........................................................................................


No comments:

Post a Comment